
กานนอน หรือกวานนอน
“กานนอน” หรือชื่อเต็มว่า กันซีออน โบซัตสุ ตามความเชื่อทางด้านพุทธศาสนาของญี่ปุ่น กานนอนก็คือเทพองค์เดียวกับ กวนยิน หรือ ควนยิม ของจีน (กวนอิม ในภาษาไทย)
ตามรากฐานเดิมแล้ว กวนยิมก็มาจากพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์ที่เป็นบุรุษเทศของอนเดีย ท่านเป็นพระองค์เดียวที่ดูจะเป็นโพธิสัตว์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่จะเป็นเครื่องหมายของลัทธิมหายาน ชื่อเต็มว่า ก้นซีออน แปลว่า “พระฟู้ฟังเสียงของโลก” ผู้คนจึงนับถือว่าท่านเป็นผู้เดียวที่รับฟังความทุกข์ยากของมนุษย์ เพราะความ “มีเมตตาดังมหาสมุทร”
อย่างไรก็ตามการนอนของญี่ปุ่นไม่ได้เห็นเพศหญิงเช่นเดียวกับจีน แต่มีรูปเป็นชาย เชื่อกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดจากรังสีของแสงซึ่งเปล่งออกมาจากด้านขวาของพระอมิตาภะพุทธ รูปปั้นของพระองค์จึงมักมีพระอมิตาภะอยู่บนพระเศียรเสมอ
การนอนของญี่ปุ่นมีหลายปาง ปางหนึ่งเรียกกันว่า โซ กานนอนหมายถึง “สวรรค์” หรือความถูกต้องเป็นรูปพระกวนยิมในเครื่องแต่งกายอย่างเจ้าชาย เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ทั่วไป แสดงฐานะเหมือนเมื่อพระศากยมุนีก่อนตรัสรู้ บนพระเศียรมีรูปพระอมิตาปรากฏอยู่
อีกสองแบบ คือ ปางจูอิชิเมน มี 11 หน้า คือ ทรงมงกุฎที่มีใบหน้าเล็ก ๆ แสดงความรู้สึกต่าง ๆ กัน กับปางเซนจู คือปางพันมือ มีมือจำนวนมากมายแวดล้อมพระองค์ลักษณะรัศมีรอบกาย
นิกายชินกอนเพิ่มปางให้แก่พระโพธิสัตว์กานนอนอีกสามปาง คือ เนียวอิริน มีหกแขน ปางบาโต มีเศียรเป็นม้าอยู่บนมงกุฎ ซึ่งมาจากเกร็ดตำนานเมื่อกานนอนได้แปลงร่างเป็นม้าช่วยชีวิตพ่อค้าพันความตาย นับเป็นพระโพธิสัตว์แบบเดียวที่แสดงความโกรธเกรี้ยว ทั้ง ๆ ที่ในปางนี้ยังนับเป็นปางที่แสดงความเมตตากรุณาเช่นเดียวกับปางอื่น และสุดท้ายเรียกว่าจันได (ไม่ปรากฏว่าเป็นแบบใดแน่ชัด)
ว่ากันตามประเพณีแล้ว กานนอนเปลี่ยนรูปร่างได้ถึง 33 แบบเพื่อให้ได้ผลต่อบุคคลที่ทรงเมตตาสั่งสอน พวกแสวงบุญจึงต่างสร้างวิหารจามลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ขึ้นถึง 33 แห่ง ในแถบนารา และเกียวโต